แม้จะมีพื้นที่เพียงน้อยนิด หากเราแปรอุปสรรคและข้อจำกัดให้เป็นโอกาส เราจะสามารสร้างสรรค์สิ่งดีๆในพื้นที่เล็กให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
1. สเต็ปสร้างมิติ
แบ่งพื้นที่ใช้สอยโดยใช้สเต็ปที่แตกต่างเพื่อให้สวนเกิดมิติ มีความสูง-ต่ำและดูสนุก ขึ้น เช่น มีการยกระดับพื้นจากบริเวณทางเดินส่วนล่างมายังจุดนั่งเล่นจุดที่หนึ่งในสวน หรือการใช้ วัสดุปูพื้นที่แตกต่าง เช่น ปูอิฐดินเผาบนลานรับประทานอาหาร แล้วปูแผ่นศิลาแลงแผ่นหนากว่าบน ลานนั่งเล่น เพื่อให้เกิดข้อแตกต่างและเกิดเส้นแบ่งทางสายตา แต่ทั้งนี้ควรออกแบบสเต็ปให้พอดี จังหวะก้าวเพื่อไม่ให้สะดุด และควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้สวนในเวลากลางคืน
2. รั้วโปร่งตา
การออกแบบรั้วให้มีช่องแสงและลมลอดผ่านได้ดีจะสร้างความรู้สึกไม่อึดอัด อีกทั้งช่วย ในการถ่ายเทอากาศ อาจใช้ระแนงไม้หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ดูโปร่งเบาตีเป็นแนวขวางเพื่อหลอกตาว่า พื้นที่กว้างขึ้น และเลือกใช้สีอ่อนหรือสีขาวจะช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งเบามากขึ้น สำหรับรั้วที่โปร่งตา หรือเตี้ยมากๆ หากต้องการความเป็นส่วนตัวในบางบริเวณ อาจปลูกต้นไม้บังเป็นแนว ตีระแนงบัง แล้วปลูกไม้เลื้อยระขึ้นไป หรือแขวนไม้แขวนให้เกือบเต็มแผงระแนงกก็ช่วยพรางสายตาได้ระดับหนึ่ง
3. เชื่อมต่อพื้นที่
การออกแบบพื้นที่ให้เชื่อมต่อกันทั้งภายในและภายนอกจะช่ยให้ใช้ประโยชน์ได้ มากขึ้น เช่น การต่อเติมระเบียงหน้าห้องนั่งเล่นหากเลื่อนประตูกระจกออกก็สามารถใช้พื้นที่นั่งเล่น ต่อเนื่องจากภายใน ใช้รับรองแขกและเพื่อนฝูงจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้อาจหาวิธีเชื่อมต่อด้วย วิธีการอื่นๆ เช่น การวางกระถางต้นไม้ที่มีลักษณะเดียวกันต่อเนื่องจากห้องภายในบ้านมาจนถึง ระเบียงในสวน หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์รูปแบบใกล้เคียงกันทั้งภายนอก
ออกแบบสวนไม่ให้เกิดซอกหลืบ สามารถใช้ประโยชน์และเดินไปใช้งานได้ทุกซอกมุม หากพื้นที่เป็นมุมแหลม อาจลดเหลี่ยมมุมด้วยการปลูกต้นไม้และโรยกรวดบนพื้นให้สามารถเข้าไปดูแลต้นไม้ได้สะดวก อีกทั้งควรเปิดช่องแสงให้แสงสว่างส่องถึงโคนต้น ไม่อับทึบ เปิดช่องให้มีแสงสว่างเข้ามาในสวนได้มากที่สุด จะช่วยสร้างความโปร่งสบายและไม่อึกอัดเมื่อต้องอยู่นานๆ หากเป็นรั้วซีเมนต์ทึบอาจเจาะช่องตามแนวยาวเพื่อให้แสงลอดผ่าน
